โมเดลธุรกิจขยายตัว (Scalable Business Model) คืออะไร

โมเดลธุรกิจขยายตัว (Scalable Business Model) คืออะไร

คำว่า Scalable แปลเป็นภาษาไทยว่า “ขยาย” พอเอามาใช้กับโมเดลธุรกิจ รวมเป็นคำว่า “Scalable Business Model” แล้ว หมายความว่าอย่างไร อะไรขยายตัว เหมือนหรือแตกต่างกับคำว่า “เติบโต (Growing)” ไหม วันนี้มารู้จักคำว่า Scalable Business Model รวมถึงคำว่า Growing Business Model กันครับ

1. Growing Business Model คืออะไร

Growing หรือ การเติบโต หมายถึง เมื่อธุรกิจต้องการเพิ่มประสิทธิภาพ เพิ่มรายได้ ก็ต้องเพิ่มทรัพยากรต่างๆ เช่น คน เงินลงทุน ต้นทุน ฯลฯ ในอัตราใกล้เคียงเดิม

ธุรกิจที่ใช้โมเดลธุรกิจแบบเติบโต จึงมีลักษณะ คือ ถ้าอยากได้ยอดขายเพิ่มขึ้น ก็ต้องลงทุนเพิ่ม จ้างคนเพิ่ม ต้นทุนก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เช่น

ถ้าเราเปิดร้านขายชานม สมมติลงทุนสาขาละ 500,000 บาท จ้างคน 2 คน ค่าโน้นนี่เดือนละ 70,000 บาท เพื่อให้ได้ยอดขายเดือนละ 2,000,000 บาท

ทีนี้ ถ้าเราคิดว่า เฮ้ย กำไรดีโว้ย ขยายสาขาดีกว่า เราเลยไปเปิดสาขาที่ 2

อีกสาขา ก็ลงทุนอีก 500,000 บาท จ้างคนอีก 2 คน ค่าโน้นนี่อีกเดือนละ 70,000 บาท เพื่อให้ได้ยอดขายเดือนละ 2,000,000 บาทเหมือนกัน

เปิด 2 สาขา ก็ลงทุน 1,000,000 ใช้คน 4 คน ค่าใช้จ่ายรายเดือน 140,000 รายได้ 4,000,000 บาท

รายได้เพิ่ม แต่ การลงทุน และต้นทุนก็เพิ่มด้วย

Scalable Business Model คืออะไร: ก่อนจะเข้าใจ Scaling Business Model ต้องเข้าใจ Growing Business Model ก่อน Growing Business Model  คือ รายได้ที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนเพิ่มขึ้นสูงตาม
Scalable Business Model คืออะไร: ก่อนจะเข้าใจ Scaling Business Model ต้องเข้าใจ Growing Business Model ก่อน Growing Business Model คือ รายได้ที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนเพิ่มขึ้นสูงตามในอัตราใกล้เคียงเดิม

แบบนี้เรียกว่า เติบโต (Growing) แต่ยังไม่ใช่ ขยายตัว (Scaling)

แล้ว Scaling คืออะไร

2. Scaling คืออะไร

ธุรกิจที่ Scaling ได้ คือ รายได้เพิ่ม ประสิทธิภาพเพิ่ม แต่ทรัพยากรที่ใช้ไม่ได้เพิ่มตามในอัตราสูงเท่าเดิม

ธุรกิจที่ขยายตัว จึงมีลักษณะคือ รายได้เพิ่ม แต่ต้นทุนต่างๆ เพิ่มตามเพียงเล็กน้อย

ตัวอย่างเช่น เราเปิดเวปจัดหาแม่บ้านทำความสะอาดรายวัน โดยเบื้องต้น เปิดเฉพาะในเขตกรุงเทพ ลงทุนไป 1,000,000 บาท ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเดือนละ 100,000 บาท สร้างรายได้เดือนละ 2,000,000 บาท

แล้วเราเห็นว่า เฮ้ย กำไรดีโว้ย ขยายสาขาดีกว่า เราเลยไปเปิดสาขาในจังหวัดหัวเมืองอื่น อีก 2 จังหวัด คือ ภูเก็ต และ เชียงใหม่

แต่ช้าก่อน เราไปเปิดสาขาที่ภูเก็ต กับ เชียงใหม่ เราไม่ต้องลงทุน 1,000,000 บาทแล้ว อาจจะปรับแก้แอปนิดหน่อย ให้เลือกจังหวัดได้ สมมติจ้างแก้แอป 50,000 บาท แต่เราสามารถสร้างรายได้ที่ภูเก็ตได้อีก เดือนละ 1,000,000 สร้างรายได้ที่เชียงใหม่ได้อีก เดือนละ 1,500,000 บาท เป็นต้น

จะเห็นว่า รายได้เพิ่มจาก 2,000,000 เป็น 4,500,000 แต่ลงทุน 1,050,000 เกือบเท่าเดิม ส่วนค่าดำเนินงานต่างๆ ก็เท่าเดิม ไม่ได้จ้างคนเพิ่ม เพราะทุกอย่างอยู่บนระบบในเวป

รายได้เพิ่มขึ้น แต่ต้นทุนเพิ่มขึ้นในอัตราน้อยกว่า

อันนี้จะเรียกว่า ขยายตัว (Scaling) ครับ

Scalable Business Model คืออะไร: Scaling คือ การที่รายได้ที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนเพิ่มขึ้นในอัตราต่ำกว่ามาก
Scalable Business Model คืออะไร: Scaling คือ การที่รายได้ที่เพิ่มขึ้น ต้นทุนเพิ่มขึ้นในอัตราต่ำกว่ามาก

ธุรกิจเติบโตได้ (Growing Business Model) แต่ไม่เรียกว่า ขยายตัวได้ (Scalable Business Model) เพราะยอดขายที่เพิ่มขึ้น เงินลงทุน รวมถึงต้นทุนในการดำเนินงาน ก็เพิ่มขึ้นในอัตราใกล้เคียงเดิม

3. Scalable Business Model คืออะไร

เมื่อเราเข้าใจคำว่า Growing และ Scaling แล้ว หากเราออกแบบโมเดลธุรกิจ โดยออกแบบให้ธุรกิจ Scaling ได้ เราจะเรียกว่า Scalable Business Model ครับ

Scalable Business Model จึงหมายถึง โมเดลธุรกิจที่สามารถ “ขยายตัว” เพิ่มรายได้ให้ธุรกิจได้มาก โดยต้นทุนเพิ่มตามเพียงเล็กน้อย

Scalable Business Model คือ โมเดลธุรกิจที่สามารถ “ขยายตัว” เพิ่มรายได้ให้ธุรกิจได้มาก โดยต้นทุนเพิ่มตามเพียงเล็กน้อย

โสภณ แย้มกลิ่น

การออกแบบโมเดลธุรกิจ (Business Model Design) ให้ธุรกิจสามารถ Scalable ได้ตั้งแต่เริ่มคิดธุรกิจ เป็นหนึ่งในหลักสำคัญของธุรกิจ Start-up โดยเฉพาะกลุ่ม Tech Start-up เพราะธุรกิจ Start-up นั้น การมีผู้ใช้จำนวนมาก เป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญ

แต่ หากการเพิ่มผู้ใช้ หมายถึง ต้องเพิ่มต้นทุนในอัตราเท่าๆ กัน ธุรกิจไม่สามารถโตแบบก้าวกระโดดได้ เพราะทุกครั้งที่โต คือต้นทุนโตตามนั่นเอง

4. ตัวอย่าง Scalable Business Model

ตัวอย่างธุรกิจที่เป็น Scalable Business Model ที่เราเห็นได้ชัดและคุ้นเคย จะเป็นกลุ่ม Technology หรือที่เรามักเรียกสั้นๆ ว่า กลุ่ม Tech Start-up เป็นหลัก เนื่องจากสามารถใช้ประโยชน์การ Scaling จาก Technology ได้อย่างชัดเจน

เช่น Grab, Facebook, IG, Netflix ลงทุนทำ Application ให้ดีครั้งเดียว แต่สามารถขยายตัวได้ ทุกเมือง หรือ เกือบทุกประเทศ โดยต้นทุนไม่ได้เพิ่มขึ้นตามในอัตราเดียวกัน

เอ๊ะ จากตัวอย่างมีแต่กลุ่ม Tech แล้วธุรกิจที่ไม่ใช่กลุ่ม Tech เราสามารถใช้ Scaling Business Model ได้ไหม จะทำอย่างไร การออกแบบโมเดลธุรกิจให้สามารถ Scaling ได้ จึงเป็นหนึ่งใน นวัตกรรมโมเดลธุรกิจ (Business Model Innovation) ครับ โดยมีแนวทางคร่าวๆ ดังนี้

5. การออกแบบ Scalable Business Model

หากธุรกิจเราไม่ใช่ธุรกิจ Tech จ๋า เราสามารถออกแบบธุรกิจให้ Scaling ได้เช่นกัน โดยใช้การปรับเปลี่ยน โมเดลธุรกิจ (Business Model) โดยขอยกตัวอย่างบางส่วน ดังนี้ครับ

Channels

ควรมีช่องทางการจัดจำหน่ายมากกว่า 1 ช่องทาง โดยเฉพาะช่องทาง Online ไม่ว่าจะเป็นช่องทางผ่าน Social Network หรือ ช่องทางผ่านตลาดออนไลน์ (Market Place) เพราะ ยอดขายที่เพิ่มขึ้นผ่านช่องทาง Online เหล่านี้ ต้นทุนจะไม่เพิ่มขึ้นสูงขึ้นตามเท่า Offline ครับ

Key Activities

กิจกรรมของธุรกิจที่สามารถทำเป็นระบบอัตโนมัติ (Automation) ได้ จะช่วยลดต้นทุนที่ต้องจ้างพนักงานเพิ่มเมื่อลูกค้าเพิ่มขึ้นครับ เช่น ให้ลูกค้ากรอกฟอร์มได้เอง สั่งซื้อได้เอง ตรวจสอบกระบวนการต่างๆ ได้เอง เป็นต้น

ระบบ Automation สำคัญมาก ลองนึกภาพ Google ใช้คนหาคำตอบให้เรา แทนที่จะใช้ระบบ Automated Search Engine บริษัทคงไม่โตอย่างทุกวันนี้

Customer Relationships

เช่นเดียวกับ Key Activities การใช้ระบบ Automation ในการสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า เช่น การใช้ AI ในการช่วยเหลือตอบคำถามต่างๆ ของลูกค้า หรือแก้ไขปัญหาให้ลูกค้า (แม้ปัจจุบันยังไม่ work เท่าไหร่ แต่อนาคตอาจแทนเจ้าหน้าที่ได้เลย) จะช่วยให้ธุรกิจสามารถ Scaling ได้ง่ายขึ้น เพราะไม่ต้องจ้างคนเพิ่มเยอะ ตามจำนวนลูกค้าที่เยอะขึ้น

จะเห็นได้ว่า ถึงแม้เราจะไม่ได้ทำธุรกิจ Tech จ๋า เราก็สามารถใช้ Scalable Business Model ได้ แต่ยังไงเราก็ต้องใช้เทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งอยู่ดี การเข้าใจเทคโนโลยีใหม่ๆ จึงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ โดยเฉพาะการทำ Business Model Innovation ในยุคปัจจุบันครับ!

63636363636363636363636363

อ่านมาถึงตรงนี้ ก็ต้องขอบคุณผู้อ่านมากครับ เรื่องการออกแบบ Scaling Business Model เป็นหนึ่งในแนวคิดของการออกแบบโมเดลธุรกิจ ยังมีรายละเอียดที่น่าสนใจกว่านี้อีกมาก ถ้าอยากอ่านเรื่องอื่นเกี่ยวกับ Value Proposition Design, Business Model และ Business Model Innovation รวมถึงเรื่องกลยุทธ์อื่นๆ เพิ่มเติม สามารถอ่านได้จากหน้าสารบัญ 

หากผู้อ่านอยากรู้เรื่อง Business Model Innovation แบบลึกซึ้ง สามารถติดต่อผู้เขียนเรื่องฝึกอบรมหรือการทำ workshop ได้ โดยสามารถดูรายละเอียดช่องทางการติดต่อผู้เขียนได้ที่ About ครับ


บันทึกนี้อยู่ในซีรีย์นวัตกรรมโมเดลธุรกิจ (Business Model Innovation) สามารถอ่านเรื่องอื่นในซีรีย์เพิ่มเติมได้จาก link


  1. นวัตกรรม (Innovation) คืออะไร
  2. S Curve คืออะไร
  3. The New S Curve คืออะไร
  4. Innovation Adoption คืออะไร
  5. นวัตกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ (Efficiency Innovation) คืออะไร
  6. นวัตกรรมเพื่อต่อยอด (Sustaining Innovation) คืออะไร
  7. นวัตกรรมเพื่อธุรกิจใหม่ (Transformative Innovation) คืออะไร
  1. Business Model คืออะไร
  2. Business Model คืออะไร: Alex Osterwalder Masterclass in Thailand
  3. Business Model Canvas คืออะไร
  4. Business Model กับ Business Plan ต่างกันอย่างไร
  5. กลุ่มลูกค้า (Customer Segments) คืออะไร
  6. ความสัมพันธ์กับลูกค้า (Customer Relationships) คืออะไร
  7. ทรัพยากรหลัก (Key Resources) คืออะไร
  8. กระแสรายได้ (Revenue Streams) คืออะไร
  1. Business Model Innovation คืออะไร
  2. Business Model Innovation มีกี่แบบ
  3. Business Model Shift คืออะไร
  4. กลุ่มลูกค้าย่อย (Customer Micro Segmentation) คืออะไร
  5. โมเดลธุรกิจขยายตัว (Scalable Business Model) คืออะไร
  6. Unfair Advantage คืออะไร
  1. แผนธุรกิจ (Business Plan) คืออะไร

โสภณ แย้มกลิ่น (Sophon Yamklin) Avatar

Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *